เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๓๑ ก.ค. ๒๕๕๘

 

เทศน์เช้า วันที่ ๓๑ กรกฎาคม ๒๕๕๘
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต

ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี

 

วันนี้จะวันเข้าพรรษานะ ถ้าวันเข้าพรรษา พระจะอธิษฐานพรรษา ถ้าอธิษฐานพรรษา นี่ธุดงควัตร อธิษฐานธุดงค์ แล้วธุดงค์กี่ข้อ ธุดงค์กี่ข้อพระก็จะตั้งสัจจะของเขา ถ้าตั้งสัจจะของเขาเพื่อประโยชน์กับอะไร เพื่อประโยชน์กับเขา ฉะนั้น เวลาว่าพระธุดงค์ๆ ทำไมต้องธุดงค์ล่ะ คำว่าพระธุดงค์ไง นกมันต้องบิน ขึ้นชื่อว่านกต้องบิน

นี่ก็เหมือนกัน ขึ้นชื่อว่าพระปฏิบัติมันต้องมีหลักมีเกณฑ์ของมัน ถ้าขึ้นชื่อว่านกมันไม่บิน มันก็นกกระจอกเทศไง นกกระจอกเทศมันบินไม่ได้ มันขึ้นบินไม่ได้ นกที่บินไม่ได้ แต่นกมันต้องบิน ถ้ามึงจริงมึงต้องทำได้ ถ้าจริงต้องทำให้ได้ ถ้าทำไม่ได้ทำเพื่อใคร ก็ทำเพื่อตัวเองเท่านั้นแหละ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางธรรมวินัยไว้เพื่อใคร รื้อสัตว์ขนสัตว์

นี่ไงรื้อสัตว์ขนสัตว์ไง รื้อสัตว์ขนสัตว์ที่ไหน รื้อสัตว์ขนสัตว์ในหัวใจเราไง สัตตะผู้ข้อง เพราะมันข้องมันถึงเวียนว่ายตายเกิด เพราะมันมีอวิชชามันถึงเวียนว่ายตายเกิด รื้อสัตว์ขนสัตว์นี่ปลดเปลื้องมัน ปลดเปลื้องความข้องในใจนั้น ปลดเปลื้องอวิชชาที่ความไม่รู้จักตัวเองนั้น รื้อสัตว์ขนสัตว์ รื้อสัตว์ที่นี่

ถ้ารื้อสัตว์ขนสัตว์เราก็พูดเหมือนพ่อแม่ โอ๋มัน อุ้มมัน ดูแลมัน ลูกทั้งนั้น ลูกของเรา เราก็ต้องรักดูแลเป็นธรรมดา สัตว์นะบางประเภทเกิดมามันเลี้ยงตัวเองได้เลย มนุษย์เกิดมาพ่อแม่ไม่เลี้ยงอยู่ไม่ได้หรอก แต่เวลามันโตขึ้นมา ปัญญามัน ปัญญามันครองโลก ถ้ามันครองโลกได้นั่นล่ะคือปัญญามันเกิด นี้ปัญญาของโลกนะ แต่ถ้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะรื้อสัตว์ขนสัตว์นะ รื้อสัตว์ขนสัตว์วางธรรมและวินัย ข้อวัตรปฏิบัติมันขัดใจไปหมดเลย อยากได้ อยากดีอย่างใดไม่สมความปรารถนา

คำว่าไม่สมความปรารถนานั่นคือไปต่อต้านกับกิเลส ต่อรองกับมัน กิเลสมันนอนอยู่ในหัวใจมันคิดจินตนาการของมันไปหมด ธรรมะมันตีแผ่ได้หมด มันรู้ไปหมด มันรู้ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแต่มันไม่รู้จักตัวมันเอง มันไม่เถียงใจมันเลย เพราะไม่เถียงใจมันเลยองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถึงวางธรรมวินัย วางข้อวัตรปฏิบัติ ข้อวัตรปฏิบัติก็ดัดแปลงหัวใจนี่แหละ ดัดแปลงตน

ถ้าดัดแปลงตนมันเป็นความยุ่งยากไหม เพราะคนเห็นว่าเป็นความยุ่งยากไง อยากสะดวกอยากสบายไง อยากสะดวกอยากสบายก็เป็นทางของมันไง แล้วเราจะต้องเข้าไปยอมจำนนกับมันใช่ไหม ออกจากบ้านมา ออกจากบ้านมาเราทิ้งแล้ว เราทิ้งที่นอน เราทิ้งห้องครัว เราทิ้งห้องหับของเรามาแล้ว เราทิ้งแล้ว ถ้าเราทิ้งแล้ว เราออกจากบ้านมาเราทิ้งแล้ว เราทิ้งแล้วทิ้งไว้ข้างหลังไง ทิ้งไว้ข้างหลัง นี่เราเป็นฆราวาสญาติโยมเรามาบวชพระ เรามาอยู่วัด เรามาถือศีล ๘ เรามาอยู่วัดเราทิ้งไว้หมดแล้ว อย่าให้ใจมันไปห่วงหาอาวรณ์ตรงนั้น

ถ้าห่วงหาอาวรณ์ตรงนั้นนะ พอทิ้งมานะ ทิ้งที่นอนที่เป็นฟูก ทิ้งที่นอนที่สูงใหญ่ ทิ้งความสะดวกสบายในบ้าน ทิ้งห้องแอร์ ทิ้งทุกอย่างมาหมดแล้ว มาอยู่โคนไม้ พอมาอยู่โคนไม้ขึ้นมามันคิดย้อนกลับไง เออ ไม่มาก็ดี อยู่บ้านดีกว่า นี่มันย้อนกลับ เราทิ้งมาเราทิ้งไว้เบื้องหลังแล้ว เราทิ้งแล้ว พระก็เหมือนกันเราทิ้งความเป็นฆราวาสของเราแล้ว เราเป็นสมณะ

คำว่าสมณะ นี่สมณะสารูป ถ้าสมณะสารูปมันเป็นความจริง ความจริงถ้ากิริยาของเรา แต่เวลาแสดงออก เวลาแสดงออกแสดงออกด้วยความเป็นจริง ถ้ามันมีจริง มันมีจริงที่ไหนล่ะ มันมีจริงเข้าไปตรงนี้แหละ ธุดงควัตรมันมีแต่ชื่อไง เราอ้างหมด เราไปอ้างกันเองว่ามันลำบาก มันขัดข้อง มันไม่สะดวก

คำว่าสะดวกก็สะดวกกิเลส ขัดขวางมัน โต้แย้งมัน คอยขัดเกลามัน ธุดงควัตร ธุดงค์ ๑๓ เป็นธรรมวินัยที่ขัดเกลากิเลส มันเป็นความมักน้อยสันโดษ มันขัดเกลา มันไม่ใช่ตัวจริง ตัวจริงคือมรรค ไอ้นี่เป็นข้อวัตรไง มันเป็นเครื่องมือ คำว่าเครื่องมือนะ เครื่องมือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้ไว้มากมายเลย ดูสิเวลาเขารบทัพจับศึก กองทัพของใครมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เหนือกว่า เขาสามารถยึดครองชาติอื่นได้เลย

นี่ก็เหมือนกัน องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าให้มรรค ให้ผลไว้ ให้ข้อวัตรปฏิบัติไว้ พระมันไม่เอา นี่เครื่องมือทั้งนั้นแหละ เพราะเครื่องมือทำขึ้นมามันมักน้อยสันโดษใช่ไหม ถ้ามักน้อยสันโดษเพื่อใครล่ะ ก็เพื่อหัวใจของเราถ้ามันเข้มแข็งขึ้นมา เข้มแข็งขึ้นมา ดูสิเวลาครูบาอาจารย์ของเราเวลาธุดงค์ไป เวลาธุดงค์ไป สมัยก่อนนะ ๕ วัน ๑๐ วันไม่ได้กินข้าว เพราะเราเดินป่าไปมันเจอใคร มันไม่กิน น้ำนี่น้ำขาดไม่ได้ เพราะในป่าแหล่งน้ำมันมาก มีน้ำประทังชีวิตไป แล้วมันรื่นเริง มันรื่นเริงนะ แล้วชีวิตอย่างนั้นมันเข้มแข็ง

นี่พระธุดงค์ ถ้าพระธุดงค์มันต้องมีประสบการณ์ ธุดงค์เพื่อให้เข้มแข็ง การเดินจงกรม เดินจงกรมเพื่อร่างกายแข็งแรง อานิสงส์ของมันคือเดินธุดงค์ไปได้ไกล เพราะมันฝึกหัดของมันมา นี่อานิสงส์ทั้งนั้น อานิสงส์นี่คือเรื่องของร่างกาย จิตใจไม่ได้เกิดขึ้นเลย ถ้าจิตใจมันจะเกิดขึ้น วันนี้วันจะเข้าพรรษา เวลาเราโหยหานะ เวลาเราเป็นพระหรือว่าเราเป็นผู้ที่อุปัฏฐากวัด วันนี้จะเข้าพรรษา นี่วันนี้เข้าพรรษานะ มันคิดว่าวันออกพรรษาแล้ว มันคิดไปอนาคตหมดไง นี่เราโหยหาวันนี้วันเข้าพรรษา เราตั้งคุณงามความดีของเรา

ชาวพุทธ วันเข้าพรรษาเขางดนะอดเหล้า งดบุหรี่เขางดของเขา เขาได้ ๓ เดือน เขาประเพณีวัฒนธรรม ความเชื่อ เพื่อประเพณีมันเข้มแข็งมาก พระเราในสมัยพุทธกาล พระจักขุบาลเวลาเข้าพรรษาอธิษฐานเนสัชชิกไม่นอนเลย พระโสณะเวลาท่านอธิษฐานของท่าน ท่านเดินจงกรมของท่านจนฝ่าเท้าแตก เวลาครูบาอาจารย์ของเราท่านขวนขวายอย่างนั้น นี่ก็เหมือนกัน พระจะเข้าพรรษาวันนี้ วันนี้พระจะอธิษฐานพรรษา ถ้าอธิษฐานพรรษาเขาตั้งกติกากับเขา เขาตั้งกติกาของเขา เขาจะต่อสู้กับกิเลสตัณหาความทะยานอยาก

ไอ้เรื่องข้อวัตรปฏิบัติมันเป็นเครื่องมือ เครื่องมือเข้ามาอะไรล่ะ เครื่องมือเข้ามาหาหัวใจของตัว เครื่องมือเข้ามาหาหัวใจของตัว เราไม่มีเครื่องมือด้วย แล้วเราตะครุบเงาด้วยว่าความรู้สึกนึกคิด ประเพณีวัฒนธรรมนี้เป็นธรรม ใครไปวัดไปวาก็ฉันรู้ๆ เข้าใจ เข้าใจไปทุกเรื่องเลย เครื่องมือมันยังทำไม่ได้แล้วมันเข้าใจได้อย่างไร มันต้องมีเครื่องมือ ถ้ามีเครื่องมือแล้ว เครื่องมือนั้นมันถึงจะเข้าไปค้นคว้าหาจิต จิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไง สูงสุดสู่สามัญ

เวลาสูงสุด เราไปเห็นพิธีกรรมทุกอย่างจบลงด้วยการนั่งสมาธิ จบลงด้วยการภาวนา แล้วเวลาภาวนาไปแล้วมันเริ่มต้นใช่ไหม ศีล สมาธิ ปัญญา ศีลคือความปกติของใจ ถ้าสมาธิเกิดมามันตั้งมั่นมีความสุขของมัน ถ้าเกิดภาวนามยปัญญาขึ้นมาเราจะมหัศจรรย์กับจิตดวงนี้ มหัศจรรย์มาก มันเป็นปัจจัตตัง สันทิฏฐิโก เทคโนโลยีต่างๆ เขาซื้อ ขาย แลกเปลี่ยนได้

ธรรมะขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าถ้ามันจับยัดใส่หัวใจได้ องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจับยัดใส่หัวใจทุกๆ คนเลย เพราะองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าปรารถนามารื้อสัตว์ขนสัตว์ แต่มันจับยัดใส่ในใจนั้นไม่ได้ จับยัดใส่หัวใจนั้นไม่ได้เพราะปฏิสนธิจิตมันถือตัวถือตนของมัน มันมีทิฐิมานะของมัน

ทุกคนว่าตัวเองฉลาด ตัวเองเก่งกล้า ทุกคนมีความสามารถ จะไม่ยอมรับความรู้สึกนึกคิดของใคร มันไม่ยอมรับความรู้สึกนึกคิดของใครทั้งสิ้น ฉะนั้น ปฏิสนธิจิตที่เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะนี้มันมีอวิชชาครอบงำมัน มันเวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะ ต้องปลุกปลอบมัน ต้องฟื้นฟูมัน ฟื้นฟูมันขึ้นมาให้เข้าสู่ความสงบให้ได้ ฟื้นฟูมันเข้าไปสู่ตัวของมันเองให้ได้ ถ้าฟื้นฟูเข้าสู่ตัวเองได้ ทำสัมมาสมาธิๆ มันยกขึ้นสู่วิปัสสนา การฟื้นฟูขึ้นมามันเกิดภาวนามยปัญญา ปัญญาที่เกิดขึ้นจากจิตมันเป็นจำเพาะ มันเป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโก เป็นจำเพาะตน

ของที่จำเพาะตนเราจับยัดหรือเราจะโอนย้ายให้ใครไม่ได้ แต่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าวางธรรมวินัย วิธีการ เครื่องมือๆ เครื่องมือนี้ให้เราทำๆ พอเราทำขึ้นมามันจะย้อนกลับขึ้นมาในใจของเรา เวลามันเกิดภาวนามยปัญญา เกิดธรรมจักร จักรมันเคลื่อนมันมหัศจรรย์ คอมพิวเตอร์มันสู้ไม่ได้หรอก มันเร็วกว่า มันทุกอย่างกว่า เพราะความคิดเร็วไหม เล่ห์เหลี่ยมของกิเลสมันเร็วไหม มันปลิ้นปล้อนขนาดไหน

มันจะปลิ้นปล้อนขนาดไหนสติปัญญามันทันหมด มันทันความคิดเราหมด ทันความยุแยงตะแคงรั่วของกิเลสมันทันหมด แล้วมันทันหมดไม่ทันหมดธรรมดานะมันย้อนกลับเข้าไปด้วย เอ็งมาจากไหน เอ็งเกิดที่ไหน เอ็งเกิดมาอย่างไร มันก็ไปตีแผ่หมด นี่ที่ว่าเป็นไตรลักษณ์ เป็นลักษณะ ไตรลักษณะที่มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป เกิดอย่างไร ตั้งอยู่อย่างไร ดับอย่างไร เห็นอย่างไร รู้อย่างไร แล้วมันชัดเจนไง

ฉะนั้น เทคโนโลยี คิดอย่างไรก็แล้วแต่ ความเร็ว ดูสิเวลาไปดาวอังคาร ดาวพลูโตเขาไปกี่ปี ๙ ปี ๕,๐๐๐ กว่าปีล้านแสงมันไปขนาดนั้นมันไปได้อย่างไร แล้วความคิด แล้วมรรคญาณที่มันเกิดขึ้นมันเร็วกว่านั้น เร็วกว่าความคิด เร็วกว่าทุกอย่าง ถ้าไม่เร็วกว่ามันเอาอยู่ไหม ไม่เร็วกว่ามันจัดการได้ไหม ทำไมมันจัดการได้ล่ะ

นี่ก็เหมือนกัน วันเข้าพรรษาๆ นี่ไง วันเข้าพรรษามันสำคัญอย่างนี้ไง สำคัญที่ว่าพระธุดงค์อยู่ พระเคลื่อนไหวอยู่ต้องหยุด อยู่จำพรรษาที่ใดที่หนึ่ง ๙ เดือนนั้นได้ประสบการณ์ ได้ไปค้นคว้า ได้พิสูจน์ในป่าในเขา ได้พิสูจน์มาจากครูบาอาจารย์หมดแล้ว ๓ เดือนนี้ต้องทดสอบกัน ต้องพิสูจน์กันในใจนี้ ทดสอบกัน ทดสอบขึ้นมาให้ได้ จิตใจมันจะมีความสามารถขนาดไหน นี่มีความสำคัญอย่างนี้ พอมีความสำคัญอย่างนี้คำว่าธุดงค์มันถึงมักน้อยสันโดษนะ ตามมีตามได้ ไม่ภัตตามมา

ภัตตามมาหมายถึงว่าญาติโยมที่เขาอุปัฏฐาก เขาเป็นห่วงเป็นใย เขาก็จะตามส่งตามเสีย ตามดูตามแล พอธุดงค์จบ รับไม่ได้ เขาเอามาก็รับไม่ได้ เราต้องเข้มแข็งของเราเอง เราเข้มแข็งของเราเองมันมีตามมีตามได้ ถ้าไปบิณฑบาตเขาใส่แล้วจบ ไม่มีการคลุกคลีกัน เขาใส่แล้วเขาก็กลับบ้านเขา พระทำภัตกิจเสร็จแล้วก็ต้องพยายามค้นคว้าหาความจริงในใจตัวเองให้ได้ สัจจะความจริงอันนั้นค้นคว้าขึ้นมาให้เป็นของเราขึ้นมาให้ได้ นี่ทำอย่างนี้

นี่พูดถึงเวลาเราประพฤติปฏิบัติธรรม สัจธรรมๆ เราอยากได้ไง นี่ไปหาครูบาอาจารย์ ไปหาพระอรหันต์ๆ ไปหาครูบาอาจารย์ นี่แสวงหาๆ ก็ไปดูสมบัติเขา ไปเที่ยวกันรอบโลก ดูสิธนาคารชาติ เงินสำรองของชาติไหนมีมากที่สุด ก็รู้หมด รู้หมดแหละ นี่ไปดูของเขา แล้วเงินของเราล่ะ กระเป๋าเราล่ะ บัญชีเราล่ะ

นี่ก็เหมือนกัน ใจเราล่ะ ความสุข ความทุกข์ของเราล่ะ เกิดมาจากไหน เกิดมาทำไม ตายแล้วไปไหน นี่ค้นคว้ามัน ถ้าค้นคว้ามันสัจจะความจริง อย่าดูถูกความนิ่งอยู่ของพระอริยเจ้า พระอริยเจ้านะรู้เท่าทันหมด แล้วนิ่ง จริงๆ แล้วครูบาอาจารย์ท่านประพฤติปฏิบัติแล้วท่านไม่อยากพูดเรื่องธรรมะกับคนที่ไม่มีความเชื่อถือ เพราะอะไร ครูบาอาจารย์ท่านพูดด้วยความเมตตานะ เพราะท่านใช้ชีวิตของท่านค้นคว้ามา แต่พูดออกไปแล้วเขาไม่เชื่อ ถ้าไม่เชื่อนะ ไม่เชื่อ พุทธศาสนาบอกว่ามันเป็นกรรมๆ ไหม ถ้าไม่เชื่อไม่เป็นอะไร แต่ไม่เชื่อเขาก็ต้องใช้ปัญญาของเขาใช่ไหม ขี้โม้ อวด นี่กล่าวตู่พระอริยเจ้ามันเป็นกรรมทั้งนั้นแหละ

ฉะนั้น ครูบาอาจารย์ท่านถึงไม่อยากให้เกิดสภาวะแบบนั้น เวลาพูดอย่างนี้ เวลาหลวงตา เวลาท่านออกมาโครงการช่วยชาติ ท่านบอกเสียใจอยู่อันเดียวเท่านั้นแหละคนมันตกนรกเยอะ คนที่กล่าวโจมตี คนที่ต่อต้าน ท่านบอกที่ทำท่านทำเพื่อประโยชน์นะ ทำเพื่อชาติ ทำเพื่อชาวพุทธ ทำเพื่อความมั่นคงของชาติ ของศาสนา ทำเพื่อความมั่นคง แต่ฝ่ายที่โจมตีท่านบอกว่าท่านเสียใจตรงนั้นแหละ คำว่าเสียใจคือเขาทำเองนะ เขาทำเอง เขาโจมตีเอง เขาเอาไฟมาเผาตัวเขาเอง เขาเอายาพิษมาเข้าสู่ร่างกายเขาเอง แล้วเขาก็ได้ผลของเขาเอง

แต่ขณะหลวงตาท่านบอกว่าที่ทำโครงการช่วยชาติทั้งหมด ที่พูดถึงสะดุดใจก็สะดุดใจตรงนี้ ตรงที่มีคนที่เขาทำแล้วมีโทษกับเขา ดูความเมตตาของพระอรหันต์สิ เขาโจมตี เขาทำลายทั้งนั้นแหละ งานของเราไปไม่รอดเลย เขากีดเขาขวางไปหมดเลย แต่สุดท้ายท่านบอกท่านเสียใจว่ามันจะได้ผลเป็นบาป นี่ท่านเสียใจตรงนั้น เสียใจคนที่มันทำบาปทำกรรมของเขาเอง ท่านไม่ได้ทำอะไรกับเขาเลย ท่านทำคุณงามความดี แต่ แต่โลกนี้นานาจิตตัง คนที่เห็นด้วยก็มี คนที่ไม่เห็นด้วยก็เยอะ

ฉะนั้น ความนิ่งอยู่ของพระอริยเจ้าท่านไม่อยากพูดมรรคผลตามความเป็นจริงกับใคร แต่ แต่กิเลสมันชอบ เวลามานี่หลวงพ่อว่าอย่างไร หลวงพ่อว่าอย่างไร คือเขามาลองไง เขาจะล่อเสือออกจากถ้ำ แหม เอาปัญหามาถาม เวลาเสือออกไปตะครุบมัน มันบอกว่านี่เสือ เสือกินคนไม่ดี อ้าว ก็เอ็งล่อเสือ ก็เอ็งมาลองของ ก็เอ็งมาถามปัญหาเอง เวลาถามปัญหาไป เวลามันพุ่งเข้าใส่นะโอ้โฮ ร้องโอ้โฮเลย ก็เอ็งล่อเสือ

ฤทธิ์ในพุทธศาสนาคือการบันลือสีหนาท องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเวลายกพระสารีบุตรเป็นเสนาบดีแห่งธรรม เป็นอัครสาวกเบื้องขวา ผู้ที่จำแนกแจกแจงธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า การจำแนกแจกธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นคือธรรมโอสถเข้าไปสู่ใจของสัตว์โลก เข้าไปสู่ใจของประชาชน อานิสงส์ของการฟังธรรม สิ่งที่ไม่เคยได้ยินได้ฟัง สิ่งที่ได้ยินได้ฟังแล้วตอกย้ำ สิ่งที่ความลังเลสงสัยให้ขับเคลื่อนไป

เวลาถ้าจิตเราเชื่อมั่น เวลาฟังแล้วมันปลื้มใจ อานิสงส์สูงสุดคือจิตผ่องแผ้ว จิตที่ผ่องแผ้ว แล้วเวลาจิตผ่องแผ้วมันมีค่าไหม พอจิตผ่องแผ้วขึ้นมาแล้ว สมบัติพัสถานที่เราแสวงหามา ใช่มันเป็นปัจจัยเครื่องอาศัย พอจิตเราผ่องแผ้วนะเราจะคิดเลยนั่นสมบัติบ้า กูโง่มาตั้งนาน ทำไมไม่รู้จักจิตของกูเอง พอถึงเวลาแล้วมันจะเข้าใจเลย แต่เราก็ต้องแสวงหาเพราะเราเกิดมากับโลกสมมุติ เกิดมาความจริง

หลวงตาท่านบอกว่าธรรมะของท่านนะมันไม่มีขัดแย้งกับใคร เข้าสู่ทุกอณูของอากาศ เข้ากับเขาได้หมดเลย มันไม่มีการโต้แย้งเลย แต่เวลาคนที่ประพฤติปฏิบัติแล้วถ้ามันเห็น ถ้ามันเห็น ถ้ามันได้สัมผัส ความรู้สึกของเขา แล้วเราเอาความรู้สึกอารมณ์อย่างนั้นมาอธิบายไง แล้วเราไม่เคยได้อารมณ์อย่างนั้น เราไม่เคยสัมผัสอย่างนั้น มันจะเป็นไปได้อย่างไร

ฉะนั้น เวลาพระที่ไม่มีหลักมีเกณฑ์ ก็เอาความรู้สึกของครูบาอาจารย์มาอธิบาย เสร็จแล้วก็ผลประโยชน์ทับซ้อน มีเบื้องหน้าเบื้องหลัง คำว่าเบื้องหน้าเบื้องหลัง ฉะนั้น กาลามสูตรอย่าเพิ่งเชื่อ อย่าเชื่อใดๆ ทั้งสิ้น วันนี้วันสำคัญทางพุทธศาสนา เมื่อวานเป็นวันพระวันอาสาฬหบูชา วันนี้วันเข้าพรรษา พอวันเข้าพรรษาเขาจะตั้งสัจจะ ตั้งธุดงค์ต่างๆ เพื่อประโยชน์กับเขา เราทำบุญกุศลแล้วตั้งสัจจะกับเรา

ของข้างนอกมันเป็นวัตถุนะ สิ่งที่การประชาสัมพันธ์ เรื่องโลกธรรม ๘ แต่จิตใจของเราสำคัญกว่า ถ้าจิตใจสำคัญกว่านะ คนถ้ามันมีคุณธรรมในหัวใจมันจะมีความเผื่อแผ่ อเสวนา จ พาลานํ ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา เราจะไม่คบคนพาล เราจะคบบัณฑิต เวลาความคิดชั่ว นั่นล่ะมันพาล เวลาความคิดดี จิตใจเรา อารมณ์นี่เป็นอาหารของใจ ความรู้สึกนึกคิด คิดดี คิดชั่ว ถ้าคิดชั่วพยายามปฏิเสธมัน เราไม่คบอเสวนา เราไม่คบคนพาล เราไม่คิดคบอารมณ์อย่างนี้ เราจะคบบัณฑิต คบบัณฑิตคบสิ่งที่ดีงาม

นี้บัณฑิตก็โดนเขารังแก รังแกว่าไม่ทันคนๆ เราเป็นบัณฑิต เราเชื่อองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนเรื่องศีล สมาธิ ปัญญา เราเชื่อมั่นอันนั้น แต่เรื่องของสังคมของโลกเขาเอารัดเอาเปรียบกัน นั่นล่ะเขาว่าเขาได้ผลประโยชน์ นั่นล่ะฟืนไฟของเขา ถ้าจิตใจเรามั่นคงเรายืนอยู่ได้ ไม่โลภ ไม่ต้องการของใคร ไม่เป็นเหยื่อใคร แสวงหาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเรา

ดูพระสิ ธุดงค์ๆ ต้องบิณฑบาตมา บิณฑบาตเป็นวัตร เลี้ยงชีพด้วยปลีแข้ง เราทำมันเป็นสิทธิ์ สิทธิ์ของโยม สิทธิ์ของพระ มันเป็นสิทธิ์ของแต่ละบุคคล แล้วบุคคลเห็นคุณงามความดีมากน้อยขนาดไหน เขาก็ขวนขวายของเขาอย่างนั้น ฉะนั้น เวลาบอกว่าถ้ามันจะยุ่งยากบ้างมันก็มีบ้าง แต่ถ้าเป็นความจริงแล้ว นกมันต้องบิน พระธุดงค์ต้องธุดงค์ คนที่มีคุณธรรมต้องลงสู่ความเพียรอันนั้น ถ้าความเพียรอันนั้นเป็นความจริงขึ้นมา มันต้องเป็นความจริงขึ้นมา นี่วันเข้าพรรษา

ฉะนั้น สิ่งปัจจัย ๔ มันเครื่องอาศัยนะ คำว่าเครื่องอาศัย อย่าไปยึดมั่นถือมั่นจนให้มันทับถมหัวใจไง ให้หัวใจเรามีคุณธรรม ให้มีปัญญา ให้มีหลักใจ เพื่อหัวใจดวงนี้ หัวใจของเราเอง เพื่อประโยชน์กับใจของเรา เอวัง